Powered By Blogger

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคการเล่นลูกสั้นข้างกรีน

เทคนิคการเล่นลูกสั้นข้างกรีน [แบบพี่ไชโย]

เทคนิคการเล่นลูกสั้นข้างกรีน [แบบพี่ไชโย]

ก่อนอื่นขอแบ่งชนิดของลูกสั้นข้างกรีนออกเป็น 2 แบบใหญ่
ๆดังนี้ครับ

1. อยู่ขอบกรีน สามารถใช้เหล็กองศาต่ำ(หน้าชัน
ผมใช้เหล็ก 9 ประจำ) ตีให้ลูกตกกรีน(ไม่มีเด้งขอบ)
แล้ววิ่งเข้าหาหลุมได้ ซึ่งในการออกรอบ 18 หลุม
นักกอล์ฟสมัครเล่นจะเจอสถานการณ์แบบนี้แทบทุกหลุม
ขอเรียกว่าเทคนิคชิพแอนด์รัน

2. อยู่ห่างกรีน หรือในรัฟ
สถานการณ์บีบบังคับให้ต้องใช้ Sand
หรือเหล็กองศาสูงตีให้ลูกลอยโด่งตกบนกรีนแล้ววิ่งน้อยสุด
ซึ่งในการออกรอบ 18 หลุม
จะเจอสถานการณ์แบบนี้ไม่มากเท่าข้อ 1
ขอเรียกว่าเทคนิคพิชลูกโด่งตกหยุด

ผมขอบอกเคล็ดลับของแบบที่ 1
นะครับเพราะต้องใช้แก้ปัญหาบ่อยมาก สำหรับการตีแบบที่ 2
เทคนิคจะซับซ้อนกว่าเพราะใช้เทคนิคเดียวกับ Full swing
ซึ่งหมายความว่าการตีแบบที่ 2
นักกอล์ฟต้องมีวงสวิงที่ดีอยู่แล้ว

เคล็ดลับของการตีแบบที่ 1 ก็เป็นเศษเสี้ยวของ Full swing
ครับ ซึ่งถ้าทำได้
ฝึกเคล็ดลับเพิ่มอีกหน่อยก็จะกลายเป็น Full swing
แล้วคุณก็จะพบว่าตั้งแต่การพัตต์ ชิพแอนด์รัน
พิชลูกโด่งตกหยุด วงเหล็ก วงหัวไม้
ก็คือวงสวิงเดียวกันนั่นเอง

เกริ่นมาซะยาว เข้าเรื่องเทคนิคการเล่นดีกว่า มีเพียง
2 ข้อ ไม่ยากไม่ง่าย ฝึกเพียง 3 วัน
รับประกันชิพไปกิ๊ฟตลอด (หากรีนว่าง
ๆฝึกชิพอย่างเดียวเลย ไม่ต้องไปไดร้ฝ์
ไดร้ฝ์ไปสกอร์ก็ไม่ลด)

1. ความแม่นลูก
คุณต้องตีแม่นลูกชนิดที่ว่าคมเหล็กสอดใต้ลูกพอดีเป๊ะ
ความผิดพลาดไม่เกิน 0.5 เซ็นต์
ซึ่งการจะตีได้แม่นยำขนาดนี้ได้
คุณต้องแบคสวิงโดยไม่ใช้ข้อมือ
เกร็งข้อมือรักษาสามเหลี่ยม แล้วยกหัวไหล่ขวาขึ้น
อ่านไปก็เท่านั้นลองไปฝึกทำดู
แล้วคุณจะพบว่าเพียงคุณยกหัวไหล่ขวาขึ้น แล้วตีลงมา
คมเหล็กจะสอดใต้ลูกเหมือนตอนเล็งเป๊ะ ๆ ถ้าทำข้อนี้ได้
ค่อยไปฝึกข้อ 2 ต่อไป แต่ถ้าทำข้อนี้ไม่ได้ฝึกข้อ 2
ไปก็ไม่มีประโยชน์

2. ความแรง ต้องแรงพอดีที่จะส่งลูกไปถึงหลุม
หรือเลยหลุมนิดหน่อย เทคนิคนี้สำคัญมากจะว่ายากก็ไม่ยาก
จะว่าง่ายก็ไม่ง่าย อยู่ที่จิตใจไม่ใช่แรงกาย
นั่นคือตอนคุณตีลงมา (ไม่อยากเรียกว่าตี
น่าจะเรียกว่าพัตต์ผ่านลูกดีกว่า)
ความเร็วหน้าเหล็กต้องคงที่ (ให้นึกถึงตอนใช้ไม้กวาด
กวาดบ้านช้า ๆเพื่อไม่ให้ฝุ่นฟุ้ง) ฟังดูแปลกไหม
ลองไปทำดูแล้วคุณจะพบว่าลูกวิ่งไปกิ๊ฟพอดีหลุมทุกที
ช่างน่ามหัศจรรย์อะไรเช่นนี้ ขอย้ำอีกครับ
คุณต้องทำข้อ 1 ให้ได้ก่อน ข้อ 2 จึงจะ work

ปล. แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องมีเบสิคกอล์ฟมาก่อน คือ
คุณต้องยืนเปิด
รักษาศีรษะให้อยู่หลังลูกตลอดระยะเวลาการเล่น

ที่มา  http://gadget.bloggang.com

การเล่นลูกสั้น

การเล่นลูก (พิทช์)

>>การ เล่นลูกลักษณะนี้ใช้ในกรณีที่ต้องการให้ลูกลอยสูง และตกวิ่งไม่ค่อยมาก โดยนักกอล์ฟสามารถเลือกใช้เหล็ก PW, SW, LW แต่ปัจจุบันหน้าเหล็กได้พัฒนาให้มีความชันขึ้นเพื่อตีไกลขึ้น เพราะฉะนั้นบางครั้งเมื่อใช้ PW มาพิทช์ลูกจะเห็นว่าลูกจะวิ่งมากพอสมควร ท่านอาจจะเลือกใช้ไม้ที่มีองศาค่อนข้างมาก อย่างเช่น Wedge ที่มีองศาตั้งแต่ 50 องศาขึ้นไปในการพิทช์ลูกจะเหมาะสมกว่า


โปรรุ่งทิวา ปางจั่นสนามซ้อมกอล์ฟยานนาวา
โทร. 0-9815-5434

หลักการพิทช์ลูก
1.
จับกริพสั้นลงเล็กน้อย เพื่อให้ง่ายในการควบคุมหน้าไม้
2.
ยืนเท้าแคบลง ยืนในลักษณะเปิด (เท้าขวาสูงกว่าเท้าซ้าย) ขณะที่ไหลยังคงสแควร์ไม่เปิดตามเท้า
3.
เอียงตัวทิ้งน้ำหนักลงเท้าซ้ายมากขึ้น
4.
แบ็คสวิงและฟอลโล่ทรูเท่าๆ กัน ซึ่งความยาวและความเร็วจะเป็นตัวกำหนดระยะทาง
5.
ตำแหน่งลูกอยู่ตรงกลางมือนำหน้าเล็กน้อย

การเล่นลูกชิพ
>> ใช้ในกรณีที่ลูกอยู่ไม่ไกลจากขอบกรีนมากมีพื้นที่ระหว่างลูกถึง ธงพอสมควร การชิพลูกจะลอยต่ำสามารถควบคุมทิศทางและน้ำหนักได้มากกว่าการ พิทช์ลูกซึ่งท่านนักกอล์ฟสามารถเลือกใช้เหล็กได้ตามความถนัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะทางด้วยเช่นกันเทคนิคจะใกล้เคียงกับการพ ิทช์ ลูกเพียงแค่
1.
เลื่อนตำแหน่งลุกไปทางขวามากขึ้น
2.
มือนำหน้าลูกกอล์ฟ
3.
ทำการสวิงสั้นลงและใช้ข้อมือน้อยลง
ข้อมูลจาก นิตยสาร SmartGolf ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ครับ

การพัตต์อย่างมั่นใจ

ลูกสั้นพัตต์อย่างมั่นใจ ลงหลุมชัวร์

โดย : eikkiwsung   เมื่อ    Tue, 23 Aug 2011 14:44:20 GMT (ขอขอบคุณสำหรับบทความดี ๆ ครับ)




ลูกสั้นพัตต์อย่างมั่นใจ ลงหลุมชัวร์
การฝึกซ้อมพัตต์เป็นสิ่งที่นักกอล์ฟควรทำมากที่สุด เพราะทำให้เรามีความมั่นใจเวลาที่อยู่ในเล่นเกมส์ เพราะหากเราผิดพลาดจากการเล่นลูกสั้นใน ช็อทนั่นๆ แล้ว แต่เราก็ยังมีลูกพัตต์ที่ดีมาช่วย  แม้จะไกลซักนิดก็ยังสามารถพัตต์ให้ลงหลุมได้  หากเรามีความมั่นใจในการพัตต์ของเราแล้ว เวลาเราเล่นลูกสั้นก็จะไม่มีความกดดันและสามารถเก็บพัตต์ได้โดยง่าย และเมื่อเล่นลูกสั้นข้างกรีนหรือชิปได้อย่างมั่นใจ การตีเข้าหากรีนหรือธง (แอปโพรชช็อท) ก็จะไม่มีความกดดันเช่นเดียวกัน สามารถแอปโพรชเข้ามาใกล้ธงและสามารถทำพัตต์เดียวได้บ่อยครั้ง หากเริ่มต้นดีผลที่ออกมาก็จะดีขึ้นตามระดับ สอดคล้องกันไปตามขั้นตอนและรูปแบบของเกมส์เกิดความไหลลื่น ไม่มีอุปสรรค์สกอร์ที่ออกมาก็น่าพอใจ  เพราะฉนั้นการพัตต์จึงมีบทบาทที่สำคัญอย่างยิ่งในการเล่นเกมส์กอล์ฟ  ซึ่งเรามีวิธีมาแนะนำในการพัตต์กอล์ฟระยะสั้นให้ลงหลุมโดยง่ายและมั่นใจมา ฝากคนรักกอล์ฟทั้งหลายลองเอาไปใช้ดู
ระยะแรก 3 ฟุต 20 ลูก
เตรียมอุปกรณ์และสถานที่เอาไว้ให้พร้อมโดยให้วางลูกกอล์ฟเป็นวงกลมล้อมรอบ หลุม จำนวน 20 ลูก โดยห่างจากหลุม 3 ฟุตหรือประมาณความยาวของพัตเตอร์ โดยหาพื้นที่ที่เรียบและไม่ลาดเอียง
ตั้งเป้าหมายพัตต์ให้ลูกลงหลุม ติดต่อกันเป็นจำนวน 20 ลูก หากพลาดลูกใดลูกหนึ่ง ให้เริ่มต้นใหม่ แล้วทำจนครบ 20 ลูกติดต่อกันถึงจะถือเป็น 1 เซ็ท ควรฝึกซ้อมทุกวันๆ ละ 2 เซ็ท และควรคิดว่าว่าเป็นการพัตต์เพื่อเซฟพาร์ทุกครั้งในการพัตของแต่ละครั้ง แต่สำหรับนักกอล์ฟมือใหม่ให้เริ่มที่ 10 ลูกก่อนก็ได้
พัตต์ 3 ฟุต 20 ลูก
พัตต์ 3 ฟุต 20 ลูก
พัตต์แบบ 10 ลูก ในแนวเดียว
เตรียมอุปกรณ์และสถานที่ ให้เหมือนวิธี 20 ลูก แต่รอบนี้เราใช้ลูกกอล์ฟแค่ 10 ลูกมาเรียงกันเป็นแนวตรงแนวเดียวกัน โดยลูกแรกวางในระยะ 3 ฟุต และลูกต่อไปให้ขยับเข้ามาเป็น 2 ฟุต
พัต 10 ลูก แนวเดียว
พัตแนวเดียว 10 ลูก
ตั้งเป้าหมายให้ลูกลงหลุมโดยต้องพัตต์ครั้งเดียวของการพัตแต่ละครั้ง และต้องพัตต์อย่างน้อย 5 ลูกต่อเซ็ท หากพัตต์พลาดต้องเก็บพัตต์ให้ได้ 3 พัตต์ และหากทำพัตต์เดียวได้มากกว่า 5 ลูกต่อเซ็ทก็ยิ่งดี ควรซ้อมวันละ 2 เซ็ท วิธีนี้นักกอล์ฟมือใหม่ควร เริ่มฝึกที่ พัตต์เดียว 3 หรือ 4 ลูกก่อนก็ได้
พัตต์ 10 ลูกแนวเดียว-1
พัตแนวเดียว 10 ลูก
และสิ่งที่ท่านนักกอล์ฟควรจำคือน้ำหนักต้องถึงหลุมทุกครั้งหากพลาดไม่ลงหลุม ลูกกอล์ฟไม่ควรเลยหลุมไปเกิน 2 ฟุต และต้องแบ็คสวิงให้สั้นไม่ลดความเร็วของหัวพัทเตอร์ในขณะปะทะลูกกอล์ฟจะต้อง มีการ ฟอลโลว์ทรูที่ยาวกว่าแบ็คสวิงเสมอ เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการพัตระยะเก็บสั้นๆ เพราะเราต้องเจอสถานณ์การแบบนี้อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว หากเรามั่นใจเราก็จะสามารถทำได้แน่นอน  ความผ่อนคลายและทัศนคติเป็นสิ่งที่สำคัญในการเล่นกอล์ฟ

Tag :  ลูกสั้นพัตต์อย่างมั่นใจ, ลงหลุมชัวร์, บทความ


ที่มา : เรียบเรียงโดย ไทยกอล์ฟกูรู 

วิธีตีกอล์ฟให้สกอร์ต่ำกว่า100

วิธีตีกอล์ฟให้สกอร์ต่ำกว่า100

ไป อ่านเจอที่ www.pantip.com ที่โพสโดย "คุณจุ๊" เห็นว่ามีประโยชน์สำหรับนักกอล์ฟมือใหม่ ก็เลยนำมาเผยแพร่ต่อครับ ก็ต้องขอขอบคุณ "คุณจุ๊" มา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ  มาศึกษาดูกันครับ

วิธีตีต่ำกว่าร้อย สร้างพื้นฐานให้ดี ก่อนจะพัฒนาฝีมือ 
การเล่นกอล์ฟให้สนุก นอกจากจะตีแต่ละช็อตให้สวยงาม เราจำเป็นต้องฝึกทักษะวิธีทำคะแนน (หรือเรียกอีกอย่างคือวิธีทำให้ไม่เสียคะแนน) ซึ่งแบบทดสอบแรกสำหรับมือใหม่ทุกคนคือ ทำอย่างไรให้สกอร์ต่ำกว่าร้อย ซึ่งผมมีแนวคิดมาเสนอดังนี้

อันดับแรกต้องทำสองพัตต์ให้ได้อย่างน้อยเก้าหลุม ด้วยการหาโอกาสซ้อมพัตต์บ่อยๆ พัตต์เล่นที่บ้านหรือที่ไหนก็ได้ ขอให้ได้ซ้อมบ่อยๆ ก็แล้วกัน

อันดับต่อมาต้องซ้อมลูกสั้นระยะ 90 หลาลงมาให้ทีเดียวออน ออนใกล้ออนไกลไม่สำคัญขอให้ออน ด้วยการซ้อมเหล็กสั้นเหล็กเดียว (เช่น PW) หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ โดยตีลูกทั้งสามหรือสี่ถาด ด้วยเหล็กสั้นเหล็กเดียวทุกระยะ ตั้งแต่ 90, 80, ..., 10 หลา วนไปวนมา

อันดับสุดท้าย ต้องตีลูกให้อยู่ในแฟร์เวย์โดยไม่ฉึก ท้อป แช้งค์ สไลด์ ฮุก แม้ระยะจะสั้นกว่ามาตรฐานสัก 20-40 หลาก็ไม่เป็นปัญหา ทำได้โดยเอาไดร์ฟเวอร์ ไม้สาม เหล็ก 3,4,5 เก็บไว้ที่บ้าน ไม่ต้องเอาไปออกรอบ ไม่ต้องเอาไปซ้อม

แล้วซ้อมหัวไม้ห้าให้ได้ระยะ 150-180 หลา, เหล็ก 6 ระยะ 130-140, เหล็ก 7 ระยะ 120-130, เหล็ก 8 ระยะ 110-120, เหล็ก 9 ระยะ 100-110 (หมายถึงเมื่อซ้อมไม้และเหล็กเหล่านี้ตกในช่วงระยะที่กำหนด ถือว่าใช้ได้แล้ว ไม่ต้องตีให้ได้ระยะสูงสุดทุกครั้ง เพราะเวลาออกรอบจะมีความเครียดเป็นตัวแปร จะทำให้เราฉึกหรือแช้งค์) โดยทุกไม้ที่กล่าวนี้ ให้ซ้อมด้วยการตีเบาๆ เท่านั้น ห้ามตีแรง (ข้อกำหนดนี้จะจบลงเมื่อคุณเบรคร้อยได้) เพราะหากตีเบาๆ แล้วยังตีให้ตรงไม่ได้ ยังตีระยะที่กล่าวมาไม่ได้ แสดงว่าวงของคุณผิดพลาดอย่างรุนแรง ต้องหาทางเปลี่ยนวงให้ถูกเบสิคก่อน

จากนั้นเมื่อไปออกรอบ หากเป็นพาร์สามที่ระยะเกิน 140 หลาให้หวังทำสองออน โดยใช้แค่เหล็กเจ็ดหรือแปดตีไปตรงกลางทาง แล้วค่อยใช้ PW ชิพขึ้นไปออน ทำสองพัตต์ หากเป็นพาร์สี่ระยะเกิน 320 หลาให้หวังทำสามออน โดยตีไม้ห้าเบาๆ ไปกลางแฟร์เวย์ ตามไปซ้ำด้วยเหล็กเจ็ดหรือแปด แล้วขึ้นกรีนด้วย PW ไปพัตต์สองหรือสามที และหากเป็นพาร์ห้าระยะเกิน 450 หลาให้หวังทำสี่ออน ด้วยหัวไม้ห้า เหล็กหก และเหล็กเจ็ด (ตีเบาๆ ท่องไว้) ขึ้นด้วย PW และสองทีด้วยพัตต์เตอร์

เมื่อเผชิญภาวะกดดัน เช่นพาร์สามระยะ 140 หลาพอดี ขอให้ท่องไว้ว่า ตีเบาๆ ตีเบาๆ เพราะหากตีสั้นไป 20 หลาเรายังมีสิทธิ์ไปซ้ำด้วย PW ทำสองออนได้ แต่หากตกน้ำหรือฉึก ก็คงไม่พ้นสามออนสี่ออน และให้คิดทำนองเดียวกันในหลุมพาร์สี่พาร์ห้า ส่วนหากตีลูกตกทรายข้างกรีน ให้ตีขึ้นมาด้วย PW โดยคิดว่าทรายก็เหมือนหญ้าอ่อน ขอให้ตีขึ้นมาออนก็ใช้ได้ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลหลุม

ลองคำนวณดูว่า หากเราทำสองออนในพาร์สามทุกหลุม สามออนในพาร์สี่ทุกหลุม สี่ออนในพาร์ห้าทุกหลุม และสองพัตต์เก้าหลุม สามพัตต์เก้าหลุม (2x4 + 3x10 + 4x4 + 2*9 + 3*9) เราจะทำคะแนนได้ 99 !

จะเห็นได้ว่านี่คือมาตรฐานขั้นต่ำที่คนเล่นกอล์ฟทุกคนควรทำได้ ซึ่งหัวใจของการเล่นสูตรนี้คือ ต้องไม่ตีลูกเข้าป่าตกน้ำ (ตีเบาๆ ทุกช็อต) และลูกสั้นในระยะ 90 หลาลงมาต้องออนให้ได้ (ลองอ่านซ้ำทั้งหมดอีกครั้ง)

หลังจากเบรคร้อยได้แล้ว ค่อยมาสนใจเพิ่มระยะเหล็กให้ได้มาตรฐาน และมาสนใจตีไดร์ฟเวอร์ให้ได้ เพราะหากเราไม่รู้วิธีตีต่ำกว่าร้อย ต่อให้เราตีไดร์ฟเวอร์ได้ดี ตีเหล็กได้ไกล แต่ออกเกินร้อยทุกที เราจะหาความสุขในการออกรอบได้ยากเต็มที

การเลือกลูกกอล์ฟให้เหมาะสม

   การเลือกใช้ลูกกอล์ฟให้เหมาะกับตนเอง
      เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับนักกอล์ฟ  ลูกกอล์ฟเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะช่วยพัฒนาเกมส์กอล์ฟของท่าน   และก็มีนักกอล์ฟอีกจำนวนมากที่เลือกใช้ลูกกอล์ฟไม่เหมาะสมกับสวิงของตนเอง  ส่วนมากแล้วมักจะตัดสินกันเองว่าลูกกอล์ฟที่มีราคาแพงและลูกกอล์ฟที่นัก กอล์ฟอาชีพระดับโลกเขาใช้กัน  ว่าเป็นลูกกอล์ฟที่ดี  ก็เลยซื้อมาใช้  เรียกว่าเรียนแบบโปรกันไปเลย
      ซึ่งโปรแจ๊คก็ไม่ได้โต้แย้งนะครับว่า  ลูกกอล์ฟที่มีราคาแพงกับลูกกอล์ฟที่โปรระดับโลกเขาใช้กันว่าเป็นลูกไม่ดี   ดีครับ...และดีมากด้วย

      แต่...ต้องดูว่ามันเหมาะกับเราหรือเปล่า  เพราะปัจจัยในการเลือกใช้ลูกกอล์ฟที่สำคัญๆ ก็มีอยู่ 2 อย่างครับ
      1. ต้องรู้ว่าตัวเราเองมี่ Club Head Speed ของการตีหัวไม้หนึ่งเท่าไหร่ อันนี้สำคัญมากที่สุด  เพราะเดี๋ยวนี้ผู้ผลิตลูกกอล์ฟ  เขาแบ่งประเภทของลูกกอล์ฟตาม Speed ครับ  ว่ารุ่นนี้ทำมาเพื่อนักกอล์ฟ Speed เท่านี้  ซึ่งจะระบุมาเลย
      2. ปัจจัยรองลงมาแต่ก็สำคัญเหมือนกัน  ก็คือเรื่องของความรู้สึกและความต้องการของเราครับ  ว่าเราต้องการระยะทางที่มากขึ้น ( Distance ) , ความนุ่มนวลในการตี ( Soft Feel ) หรือทั้งสองอย่าง   ถ้าต้องการระยะ ผิวของลูกกอล์ฟก็จะแข็งหน่อย  แต่ถ้าต้องการให้ลูกมีสปินตอนตีขึ้นกรีน  ลูกกอล์ฟก็จะต้องมีผิวที่นุ่ม   และก็ต้องรู้ว่าลูกกอล์ฟนั้นๆ  มีโครงสร้างอย่างไร  โดยทั่วไปในท้องตลาดก็จะมีด้วยกัน 2 ประเภทใหญ่ๆ  ก็คือ
       ลูกกอล์ฟแบบ 2 ชิ้น     ส่วนมากจะเหมาะกับนักกอล์ฟทั่วๆไป  เพราะราคาไม่แพงมากนัก
       ลูกกอล์ฟแบบ 3 ชิ้น     อันนี้จะมีคุณสมบัติที่ดีกว่า  ลูกกอล์ฟจะมีวิถีที่แน่นอนกว่า  ซึ่งแน่นอนว่าราคาก็ต้องแพงกว่า   จึงเหมาะสำหรับนักกอล์ฟฝีมือดีไปจนถึงนักกอล์ฟอาชีพระดับโลก
       ลูกกอล์ฟแบบหนึ่งชิ้น ส่วนมากจะใช้สำหรับการฝึกซ้อม  ส่วนลูกกอล์ฟแบบ 4 ชิ้น  ยังไม่ได้รับความนิยมมากนักในท้องตลาด  และมีราคาสูงมาก
       คราวนี้ก็พอจะลองเลือกใช้ลูกกอล์ฟให้เหมาะกับตนเองได้แล้วนะครับ  ความเร็วของหัวไม้เป็นปัจจัยหลักในการเลือกใช้ลูกกอล์ฟที่เหมาะสมกับเรา ครับ   ประเภทเรียนแบบโปร  เรียนแบบดารา  เสียสองเด้งครับ  ซื้อมาก็แพงแถมตีไม่ได้ระยะ   ถ้าเลือกได้ถูกกับสวิงของตนเอง  จ่ายถูกกว่าและได้ประสิทธิภาพสูงกว่าครับ  
      ยก ตัวอย่างให้เห็นชัดๆ   เช่นนักกอล์ฟเยาวชนอายุ 12 ขวบ  แต่กลับไปใช้ลูกกอล์ฟ Pro V1  เรียนแบบโปรหรือผู้ปกครองหวังดี  อยากให้ลูกได้ใช้ลูกกอล์ฟที่ดี ตีได้ไกล ก็เลยลงทุนซื้อมาให้ใช้แข่งขัน  แต่หารู้ไม่ว่า Speed ของลูกเรานั้นมันไม่ตรงกับสเปคของลูกกอล์ฟPro V1   ก็เลยตีได้ระยะไม่ดี    ซึ่งอันนี้เจ้าตัวเองอาจจะไม่รู้ก็ได้ว่าตนเองนั่นจะตีได้ไกลกว่านี้   ถ้าใช้ลูกกอล์ฟที่ตรงกับ Speed ของตนเอง และจ่ายเงินถูกกว่าด้วยครับ
      แต่ถ้าเป็นนักกอล์ฟฝีมือดี Speed ได้  และต้องการเกมส์การเล่นที่แน่นอนมั่นคง สร้างความมั่นใจในการเล่นหรือการแข่งขัน  ก็คงต้องลงทุนซักนิดครับ  ใช้ลูกแบบ 3 ชิ้น  ซึ่งคุณภาพและประสิทธิภาพสูง  และลองเลือกใช้ดูว่าเราชอบลูกกอล์ฟแบบไหน   แต่ส่วนมากแล้ว  ลูกกอล์ฟแบบ 3 ชิ้นมักจะตอบสนองความต้องการให้กับนักกอล์ฟทั้งในเรื่องระยะและความรู้สึกที่ดีครบอยู่แล้ว
ที่มา www.golfprojack.com ขอขอบคุณโปรแจ๊คมา ณ ที่นี้นะครับ ที่เผยแพร่บทความที่เป็นประโยชน์

วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2554

การสร้างกรีนด้วยตนเอง

พอดีอยากจะทำกรีนเพื่อเอาไว้เล่นกันเองในหมู่พรรคพวกเพื่อนฝูง ก็เลยไปค้นดูในเนต ก็ไปพบบทความของคุณ ชอบแช้งค์ ที่โพสในเว็บพันทิป ก็ขออนุญาตท่านเจ้าของกระทู้จาก http://www.pusitpw.com มา ณ ที่นี้ด้วยครับ เพื่อเผยแพร่ต่อไปเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชนทั่วไป ครับ

 การสร้างพัทติ้งกรีน จะต้องดำเนินการดังนี้ครับ

1. แผนผังรูปทรงพัทติ้งกรีน Top View และ Cross section - Side View

2. รายละเอียดวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างกรีน

3. แผนการดำเนินงานในการก่อสร้าง

4. แผนกำหนดระยะเวลาในการก่อสร้างโดยประมาณ

5. งบประมาณและค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน


เริ่มต้นก็ขอข้ามข้อ 1 ไปเลย เพราะวาดรูปใส่ในนี้ไม่เป็น คุณไปนึกเอาตามใจชอบเองก็แล้วกันว่าอยากได้กรีนขนาด รูปร่าง หน้าตาแบบไหน เอาประมาณในใจกันตรงนี้ว่า ขนาด รูปร่าง หน้าตาที่คิดแล้วแต่วาดลงไปไม่เป็นนี้ ก็ราวๆแม่หนูแพนเค้กก็แล้วกันนะ

ข้ามมาข้อ 2 เลย เรื่องรายการและรายละเอียดวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการก่อสร้างกรีน ประมาณ 800 ตารางเมตร ไม่ใหญ่ไม่เล็ก


1. ท่อระบายน้ำสำหรับสนามกอล์ฟชนิดช่องพรุนขวาง วนรอบเส้นรอบวงท่อ (perforated PE pipe) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางท่อ 4 นิ้ว ยาวท่อนละ 5.80 เมตร ยี่ห้อ ADS ของบริษัท Advance Drainage System Inc. USA. จำนวนไม่บอก
2. ข้อต่อสามทางวาย (Y Socket PE) ขนาด 4 นิ้ว ยี่ห้อ ADS ของบริษัทเดี่ยวกัน จำนวนไม่บอกเช่นกัน
3. ข้อต่อตรง (Straight Socket PE pipe) ขนาด 4 นิ้ว ยี่ห้อ ADS ของบริษัทเดียวกัน
4. ฝาครอบปลาย (End Cap PE) ขนาด 4 นิ้ว ยี่ห้อเดิมของบริษัทเดิม  
5. หัวพ่นน้ำ ชนิดหัวขึ้น-ลงอัตโนมัติ (Pop-Up Rotor Sprinkler Head) รุ่นPro plus 11003 ยี่ห้อ K-Rain ประเทศ USA.
6. วาวล์ไฟฟ้าขนาด 1" 24 VAC. รุ่น M.P. ยี่ห้อ Raphael ประเทศ Israel
7. คอยล์ไฟฟ้า 24 VAC. ติดตั้งวาวล์ไฟฟ้า ยี่ห้อ Raphael ประเทศ Israel
8. ตู้ตั้งเวลาควบคุมวาวล์ไฟฟ้า รุ่น AC 6 ยี่ห้อ Galcon จากประเทศ Israel
9. ปั๊มยี่ห้อ Deno ขนาด 2 HP 220 V ท่อ 2"x2" จากประเทศไต้หวัน
10. ท่อส่งน้ำใช้ท่อ PVC ขนาด 1" class 8.5 ตราป้าปูท่อน้ำไทย
11. ตาข่ายไนล่อนขนาด 16 ตา/ตารางนิ้ว ใช้ปิดรางระบายน้ำ หลังใส่หิน 1ในรางระบายน้ำ
12. ตาข่ายไนล่อนขนาด 16 ตา/ตารางนิ้ว ใช้ปิดคลุมหินคลุกชั้นรองพื้น 10 ซม.
13. ตะปูเบอร์ 7 ขนาด 4 นิ้ว ใช้ยึดผืนตาข่ายไนล่อนปิดรางระบายน้ำ และยึดผืนตาข่ายชั้นคลุมหินคลุก
14. หินกรวดขนาด 3/8 นิ้ว (ล้างน้ำกำจัดผง เศษหินปูนออก ป้องกันการอุดตันหรือติดค้างในระบบท่อระบาย)
- ใส่ในช่องรางระบายน้ำรอบท่อระบาย      
- ใส่ในชั้นรองพื้นชั้นทรายหน้าตัดขนาดหนา 10 เซนติเมตร
15. แผ่นพลาสติก Edger กั้นขอบรอบกรีน ใช้ป้องกันหญ้านวลน้อย และวัชพืชรอบนอก ทำจากพลาสติก HDPE สีดำ ขนาดหนา 2 มม. กว้าง 30 ซม.
16. ชั้นวัสดุปลูกหญ้า (Root Zone Media)
- วัสดุปลูกหญ้า (Rootzone Mix) ตามมาตรฐาน USGA, Sand-based Green โดยใช้ทรายท็อปตามมาตรฐาน USGA. ขนาด 0.15 - 1 มม. (ทรายแม่น้ำจากจังหวัดกาญจนบุรีแยก silt และclay ออกแล้ว) ซึ่งความหนาของชั้นวัสดุปลูกหญ้านี้ (Rootzone Mix) หนา 30 ซม.
- ทรายท็อปตามมาตรฐาน USGA. ขนาด 0.15 - 1 มม. (ทรายแม่น้ำจากจังหวัดกาญจนบุรีแยก siltและ clay ออกแล้ว) ใช้หว่านท็อปเสริมแต่งผิวกรีนในช่วงหลังปลูก และช่วงการบำรุงรักษา 1 เดือน
17. หญ้าที่ปลูกบนกรีนโดยการหว่านจากลำต้นสับแยก (Stolonizing or Sprigging) ซึ่งมีตาข้อ 2-3 ตาต่อ 1 ต้นที่สับแยกออก
- ใช้หญ้าแพรกลูกผสม Hybrid Bermuda : Tifeagle (Cynodon dactylon x C. transvaalensis)
แยะดีไหม ข้าวของที่จะต้องใช้เท่าที่นึกออกตอนนี้ เดี๋ยวนึกอะไรออกเพิ่มเติม อาจจะมาเสริมอีกที นานแล้วลืมเกือบหมดแล้ว
ข้อ 3  แผนการดำเนินงานในการก่อสร้าง มั่วไปมั่วมาจะออกมาคล้ายๆอย่างนี้
การก่อสร้างประกอบด้วยขั้นตอนการดำเนิน ดังนี้

1. ขั้นตอนการสำรวจ วัดระยะ วางแนว ตีเส้นรูปทรงของกรีน กำหนดระดับพื้นที่ตามระดับในแบบ และ ปักหมุด
ขั้นนี้ต้องว่าจ้างผู้รับเหมาสำรวจพื้นที่และปักหมุดเพื่อกำหนดตำแหน่งต่างๆ ในพื้นที่ ทำการวางหมุด - ปักหลัก - วางระยะ - ตีเส้นแบบ โดยใช้คนงาน และบุคลากรที่มีความรู้ด้านการสำรวจ  ใช้กล้องธีโอโดมิเตอร์ด้วยนะ
2. ขั้นตอนการปรับแต่งพื้นที่ และขุดแต่งปั้นดินตามแบบโดยใช้เครื่องจักรใหญ่
ขั้นนี้ต้องว่าจ้างผู้รับเหมาให้ปรับหน้าดิน และปั้นโครงสร้างกรีนด้วยเครื่องจักรใหญ่ คือ รถ Back Hoe ที่ชาวบ้านร้านถิ่นเรียกว่า แมคโค ใช้รถแมคโคนี้ทั้งตักทั้งขุดพื้นที่ใหญ่ และพื้นที่ย่อยใช้รถ JCB ช่วยอีกทีในการขุดตักดิน ขนถ่ายดินด้วย ส่วนรถบูลโดเซ่อร์ดันดินขนาด D2 นั้นใช้เพื่อขุดแต่ง ปาด และดันดินออกจากพื้นที่ในเส้นแบบที่ตีไว้ และต้องให้ได้ความลึกตามแบบที่กำหนดไว้นะ โดยจะขุดแต่งในเบื้องต้น เพื่อเตรียมไว้ในขั้นตอนถัดไป ซึ่งจะใช้แรงงานคน และรถดันดินเพื่อตกแต่งขอบคันดินรอบกรีนและบังเกอร์ โดยปรับเกลี่ยระดับพื้นให้ได้ตรงระดับในแบบ
 3. ขั้นตอนการวางท่อระบายน้ำและระบบการให้น้ำด้วยศีรษะสปริงเกอร์
ขั้นนี้ใช้คนให้วางท่อระบายน้ำ และระบบการให้น้ำด้วยศีรษะสปริงเกอร์ตามแบบ และเมื่อเสร็จสิ้นการติดตั้งระบบการให้น้ำด้วยศีรษะสปริงเกอร์แล้ว ต้องทดสอบการใช้งาน 1 วัน เมื่อทดสอบผ่านจะต้องได้ผลสอบออกมาไม่ต่ำกว่า บีบวก จากนั้นจึงวางระบบท่อระบายน้ำต่อ Mulligan ทันที (วางระบบระบายน้ำต้น ป้ายแดง หรือระบบระบายน้ำต๊ะ เตารีด หรือระบบระบายน้ำเต้ ติงต๊องไม่ได้) โดยใช้เชือกขึงแนว และสีพ่นสีขาว หรือสีสันสดใส พ่นเพื่อกำหนดแนวร่องระบายน้ำตามแบบ แล้วขุดแนวร่องระบายน้ำให้เป็นไปตามแบบ ที่กำหนดไว้ให้ได้ความลึก 30 ซม. กว้าง 30 ซม. โดยใช้รถขุดหน้าตักหลัง JCB พร้อมแรงงานคนในการขุดตัก แล้วแต่งร่องทางระบายให้เรียบร้อยโดยใช้แรงงานคน แล้วตบอัด บดดินให้ทั่วทั้งพื้นที่ รวมถึงในร่องท่อระบายน้ำที่ขุดแต่งไว้แล้วให้แน่น โดยใช้เสี่ยหมู 2 ที เสี่ยโธมัส ตบดิน หรือใช้เครื่องตบดินชนิดเดินตามก็ได้
ก่อนที่จะตบอัด บดดินให้แน่นนั้น ต้องพ่นน้ำให้ซึมลงไปในหน้าตัดของดินทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งควรให้น้ำซึมลงไปลึกประมาณ 30 ซม. และทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง 13 นาที อย่าให้ขาด อย่าให้เกิน
แล้วใส่หินคลุกมะพร้าวขูดขนาด 3/4" ลงในร่องระบายให้สูงจากท้องร่องขึ้นมา 10 ซม. แล้วติดตั้งท่อระบายทั้งหมดตามแบบ แล้วใส่หินกลบท่อให้เต็มหน้าตัดร่องระบายทั้งหมด แล้วให้ติดตั้งผ้ามุ้งตาข่ายพลาสติกขนาด 16 ตา/ตารางนิ้ว ปิดหน้าร่องตามยาว วางปิดร่องโดยใช้ตะปูเบอร์ 7 ความยาว 4นิ้ว ตอกยึดแผ่นมุ้งตาข่ายให้เต็มหน้าตัดร่องระบายทั้งหมด 
 4. ขั้นตอนการปรับแต่งโครงสร้างกรีนและพื้นที่ในสนามด้วยแรงงานคน
ขั้น นี้ทำโดยใช้แรงงานคน ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้ฉิง ให้ปรับแต่งโครงสร้างกรีนและบังเกอร์ด้วยสองมือและสองเท้าเป็นการเก็บราย ละเอียดที่เครื่องจักรยังไงก็สู้คนไม่ได้น่ะครับ เมื่อเรียบร้อยแล้วจึงติดตั้ง โดยกรุแผ่นกั้นขอบ รอบขอบกรีน ต้องให้ปลายมาทบเกยซ้อนกันเลยไปอย่างน้อย 20 ซม. เรื่องนี้เพื่อป้องกันการขยายตัว หดตัว ที่จริงขยายตัวไม่เคยกลัว ห่วงแต่ไอ้เรื่องที่มันจะหดตัวอยู่ท่าเดียวนี่มากกว่า ต้องขู่ ขู่ ปลอบ ปลอบ ไว้นะครับ เอาน้ำเย็นเข้าลูบ อย่าใจร้อน อย่าหัวเสีย
จากนั้นใส่หินคลุก 3/4" รองพื้นเต็มทั้งหน้าตัดกรีน ให้ได้หนาขนาดสัก 10 ซม. เผื่อๆกะกะเอาด้วยสายตาก็ได้ แล้วใส่ทรายให้เต็มทั่วทั้งพื้นที่หน้าตัดความลึก 30 ซม. ซึ่งถ้างบแยะถมสูงกว่านี้ก็ได้ ระบายน้ำคล่องหน้าฝนจ้ะ หลังจากนั้นปรับแต่งผิวหน้าทรายให้ได้ระนาบ (Contour) ตามแบบหรือตามใจชอบ ช่วงเวลานี้จะอยากให้กรีนเหลี่ยม ลอน บ้าบอขนาดไหน เชิญเลย
เสร็จแล้วก็ปาดแต่งผิวหน้าให้เรียบโดยใช้แรงงานคนและเกียงไม้ที่ใช้ปาดปูนขนาด 6 ฟุต ปาดแต่ง หลังจากนั้นรดน้ำให้ทั่วทั้งพื้นที่ให้น้ำซึมลึก 40 ซม. ทั่วทั้งหน้าตัดทราย ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง 24 นาที แล้วบดอัดด้วยลูกกลิ้งโรลออนชนิดแห้งเร็วไม่ติดเสื้อผ้า ลูกกลิ้งแบบใช้คนลากขนาดน้ำหนัก 30 กก. หน้าตัดลูกกลิ้งกว้าง 1 เมตร บดอัดให้ทั่วทั้งพื้นที่ โดยขณะที่บดอัดนั้น ต้องคอยตรวจสอบ คอยวัด คอยวา ว่าความลึกของทรายที่ทรุดตัวลงนั้นมากน้อยเท่าไร แล้วให้เติมทรายเพิ่มเข้าไปในบริเวณที่วัด ที่วา ได้ว่าทรุดไปนั้นให้เสมอ หรือให้เรียบตามที่ใจชอบ แล้วอย่าลืมรดน้ำลงไป (ทำซ้ำทั้งหมดอีก 1รอบ) 
5. ขั้นตอนการปลูกหญ้า
ขั้นนี้ใช้แรงงานคนอีกเช่นกัน ในการปลูกหญ้าในส่วนของกรีน เริ่มต้นโดยใช้นาคให้น้ำให้ทั่วทั้งพื้นที่ที่ระดับความลึกประมาณ 10 ซม. แล้วนำต้นหญ้าทิฟอีเกิ้ลนั่นที่ได้เตรียมสับแยกไว้ ก็จัดการสับแยกเสีย แล้วแช่น้ำยาฆ่าเชื้อ และชุบฮอร์โมนเร่งราก แล้วมาหว่านกระจายให้ทั่วลงบนพื้นทรายที่มีความชื้นจากการให้น้ำไว้ก่อนหน้า โดยหว่านไล่จากขอบกรีนที่กรุแผ่นพลาสติกเข้ามาหาพื้นที่กลางกรีน
คอยรดน้ำพอควรถ้าหากหญ้าเกิดอาการแห้งขณะที่หว่าน เมื่อหว่านเสร็จสิ้นแล้ว ใช้ลูกกลิ้งจานเหล็กคราด หน้าตาเหมือนที่ลากเก็บลูกกอล์ฟสนามซ้อม เหมือนไถ 7 จาน ทำนองนั้นแหละ ลากเพื่อให้ข้อหญ้าคลุกเคล้า จมลงไปในทรายปลูก แล้วรดน้ำให้ทั่วทั้งพื้นที่ที่ความลึกของน้ำขนาดหน้าตัดทรายลึก 30 ซม. แล้วบดทับให้เรียบด้วยลูกกลิ้งกลมแบบที่ใช้ตบอัดดินนั่น แล้ว ปิดทับด้วยตาข่ายพรางแสง
6.  ขั้นตอนการดูแลรักษาหญ้า
ขั้นนี้หลังจากปลูกเรียบร้อยแล้วก็จัดทำตารางการบำรุงรักษาหญ้าในกรีนให้แก่คนงานที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล โดยจัดตารางการให้น้ำ ให้ปุ๋ย ให้ฮอร์โมน อาหารเสริม และจะต้องติดตามตรวจสอบสภาพหญ้าทุกๆ 3 วันจนกว่าหญ้าจะงอกเต็มพื้นที่กรีน ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน นับจากวันที่เสร็จสิ้นการปลูก
ส่วนการตัดหญ้า ใส่ปุ๋ย ให้น้ำ พ่นสารเคมี การเจาะหลุมกอล์ฟ การเปลี่ยนหลุม การบำรุงรักษาเครื่องตัดหญ้านั้น ไม่ได้จัดอยู่ในหัวข้อกระทู้ แต่ก็ยินดีให้คำปรึกษาในการดูแล บำรุงรักษา เพิ่มเติมทุกเมื่อ โดยจะคิดค่าใช้จ่ายตามสมควร
ถึงแค่นี้การสร้างกรีนก็เสร็จสิ้น ไม่ได้ยุ่งยาก วุ่นวายอะไรมาก แต่ภารกิจหลังจากนี้ คือ การบำรุงรักษาให้กรีนนี้อยู่ในสภาพดีตลอดไปนั้น ยุ่งชิ้บฮ๋ายเลย ต้องเกี่ยวข้อง วุ่นวายกับ เครื่องไม้ เครื่องมือ สารเคมี ต้องเสียเวลาดูแล เอาใจใส่ ยิ่งอยากให้กรีนอยู่ในสภาพดีมาก ก็เสียเวลาดูแล เอาใจใส่มาก ถึงบอกไว้แต่ต้นว่า สร้างมา 2 หนแล้ว ไม่มีอะไรผิดพลาด สำเร็จอย่างเรียบร้อย ภาคภูมิใจในตัวเองมาก แต่ไม่นานกรีนก็หมดสภาพไป โดยไม่มีปัญญาจะบำรุงรักษาให้ได้ดังใจ
 
ดังนั้นสาธุชนจงสดับโดยใช้สติปัญญาเข้าไตร่ตรอง อย่าเห่อ อย่านึกว่ามันง่าย เดี๋ยวก็จะสร้างกรีนกันอยู่เรื่อย อย่าเลย เลิกคิดเสียที ซ้อมกับพื้นปูนนั่นแหละดีแล้ว จะได้พัตไม่ชึ่ก

***ทั้งหมดนี้ เป็นกระทู้ของคุณชอบแช้งค์ ที่โพสในเว็บพันทิปนะครับ หลังจากผมได้ศึกษาดูแล้ว โอ....ขอบายดีกว่าครับ ไม่มีงบประมาณมากมายพอที่จะไปทำไว้เล่นเองอย่างนั้นหรอกครับ  แต่ก็ขอขอบคุณอีกครั้งสำหรับบทความดี ๆ อย่างนี้ครับ***

เกี่ยวกับกอล์ฟ นำมาจาก http://th.wikipedia.org ครับ

กอล์ฟ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ระวังสับสนกับ กอฟ (กอล์ฟ)
ลูกกอล์ฟและหลุมกอล์ฟ
กอล์ฟ (อังกฤษ: Golf) คือกีฬาหรือเกมประเภทบอลชนิดหนึ่ง ซึ่งผู้เล่นใช้ไม้หลายชนิดตีลูกบอลให้ลงหลุม จากกฎของกอล์ฟ ระบุว่า "กีฬา กอล์ฟประกอบด้วยการเล่นลูกใดลูกหนึ่งด้วยไม้กอล์ฟจากแท่นตั้งทีไปลงหลุมโดย การสโตรคหนึ่งครั้งหรือหลายครั้งต่อเนื่องกันตามกฎข้อบังคับ"[1] กอล์ฟเป็นหนึ่งในกีฬาประเภทบอลเพียงไม่กี่ชนิดที่ไม่มีอาณาเขตการเล่นที่แน่นอน (สนามกอล์ฟแต่ละแห่งสามารถมีรูปร่างและขนาดต่างกัน)
ต้นกำเนิดของกอล์ฟนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ ระหว่างเนเธอร์แลนด์ สกอตแลนด์ และจีน โดยมีการเล่นกอล์ฟมาแล้วอย่างน้อยห้าศตวรรษในหมู่เกาะบริเตน กอล์ฟในรูปแบบปัจจุบันได้มีการเล่นในสกอตแลนด์ตั้งแต่พ.ศ. 2215

ประวัติ

มีการกล่าวถึงกีฬากอล์ฟในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1840 เป็นครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ใน เมืองที่ชื่อว่า Loenen aan de Vech โดยชาวดัตช์เล่นเกมด้วยไม้และลูกบอลหนัง โดยผู้ที่ตีลูกบอลลงในเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรด้วยจำนวนครั้ง การตีน้อยที่สุด เป็นผู้ชนะ
ชาวสกอตแลนด์ถือว่ากีฬากอล์ฟเป็นการคิดค้นของสกอตแลนด์ โดยเชื่อว่ามีการกล่าวถึงในกฎหมายสองฉบับในพุทธศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีการห้ามเล่นกีฬาที่เรียกว่า "gowf" อย่างไรก็ตาม นักวิชาการเชื่อว่าเป็นการกล่าวถึงกีฬาซึ่งมีลักษณะเป็นกีฬาประเภททีมบนสนาม ใกล้เคียงกับฮอกกี้มากกว่า โดยกล่าวว่ากีฬาที่ใช้ไม้กอล์ฟตีลูกบอลให้ลงหลุมนั้นมีการเล่นในพุทธศตวรรษที่ 22 ในเนเธอร์แลนด์มากกว่าสกอตแลนด์
สนามกอล์ฟเก่าของเซนต์แอนดรูว์ส ในปีพ.ศ. 2434
สนามกอล์ฟที่เก่าที่สุดที่มีการเล่นอย่างต่อเนื่องคือสนามกอล์ฟใน Musselburgh ในสกอตแลนด์ โดยมีหลักฐานว่ามีการเล่นกีฬากอล์ฟที่สนามแห่งนี้ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2215 แม้ว่าจะมีการกล่าวกันว่าสมเด็จพระราชินีแมรีแห่งสกอตแลนด์ทรงเล่นกอล์ฟที่สนามแห่งนี้ในปีพ.ศ. 2110
ในอดีต สนามกอล์ฟไม่ได้มีสิบแปดหลุมเสมอไป สนามกอล์ฟเซนต์แอนดรูว์ส ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่แคบๆตามแนวชายฝั่งทะเล ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 20 นักกอล์ฟที่เซนต์แอนดรูว์สได้เล่นกอล์ฟบนพื้นที่มีสภาพเป็นลูกคลื่น และมีหลุมซึ่งที่ตั้งถูกบีบบังคับโดยสภาพพื้นที่ สนามกอล์ฟที่เกิดขึ้นนี้มีสิบเอ็ดหลุม โดยเริ่มจากคลับเฮาส์ไปจนสุดอีกฝั่งหนึ่งของพื้นที่ เมื่อเล่นออกไปจนสุดแล้ว นักกอล์ฟก็จะหันกลับและเล่นกลับเข้ามา รวมเป็นทั้งหมดยี่สิบสองหลุม ในปีพ.ศ. 2307 คนเริ่มรู้สึกว่าหลุมหลายหลุมมีระยะสั้นไป จึงนำหลุมบางหลุมมารวมกัน ลดจากสิบเอ็ดเหลือเพียงเก้าหลุม และรวมกันแล้วเป็นสิบแปดหลุม
ภาพที่เชื่อว่า เป็นการเล่นกอล์ฟของจักรพรรดิจีน
ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 24 ได้มีการพัฒนาในเรื่องของอุปกรณ์อย่างมาก โดยมีอุปกรณ์ตัดหญ้าที่ดีขึ้น ลูกกอล์ฟที่ดีขึ้น และการใช้ก้านโลหะในไม้กอล์ฟ ซึ่งเริ่มในช่วงพุทธทศวรรษ 2470 เช่นเดียวกับการใช้ทีซึ่งทำด้วยไม้ ในพุทธทศวรรษ 2510 เริ่มใช้โลหะแทนหัวไม้ และในทศวรรษ 2520 เริ่มมีการใช้ก้านกราไฟต์แทนโลหะ
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2549 มีหลักฐานใหม่เกี่ยวกับต้นกำเนิดของกอล์ฟ ค้นพบโดยศาสตราจารย์ Ling Hongling จากมหาวิทยาลัยหลานโจ่ว ซึ่งชวนให้เชื่อได้ว่า มีกีฬาซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับกอล์ฟในปัจจุบันในประเทศจีน ตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อนการกล่าวถึงกอล์ฟในสกอตแลนด์ บันทึกจากสมัยราชวงศ์ซ่ง มีการกล่าวถึงเกมฉุยหวาน (จีน: 捶丸) และมีภาพวาดด้วย เกมนี้มีการใช้ไม้สิบชนิด ซึ่งรวมถึงไม้ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับไดรเวอร์ หัวไม้สอง และหัวไม้สามด้วย ไม้ต่างๆมีการประดับด้วยหยกและทอง ทำให้เชื่อว่าเป็นกีฬาสำหรับผู้มีฐานะร่ำรวย ศาสตราจารย์หลิงเชื่อว่ากีฬากอล์ฟถูกนำเข้าสู่ยุโรปและต่อมาสกอตแลนด์โดยนักเดินทางชาวมองโกลในช่วงปลายยุคกลาง[2]
โฆษกของรอยัลแอนด์เอนเชียนกอล์ฟคลับออฟเซนต์แอนดรูว์ส หนึ่งในองค์กรกอล์ฟที่เก่าแก่ของสกอตแลนด์ กล่าวว่า "กีฬาที่ใช้ไม้และลูกบอลนั้นมีการเล่นมาหลายศตวรรษ แต่กอล์ฟที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ เล่นกันสิบแปดหลุม มาจากสกอตแลนด์อย่างแน่นอน"[3][4]
ในประเทศไทย สนามกอล์ฟแห่งแรกได้ถูกสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว[5]

[แก้] สนามกอล์ฟ

ผู้เล่นตีลูกจาก "แท่นตั้งที"
กีฬากอล์ฟเล่นในพื้นที่ซึ่งเรียกว่า "สนามกอล์ฟ" (อังกฤษ: golf course) สนามกอล์ฟประกอบไปด้วยหลุมหลายหลุม โดยในทางกอล์ฟ "หลุม" หมายถึงทั้งหลุมที่เจาะลงไปในพื้นดิน และอาณาเขตตั้งแต่แท่นตั้งทีไปจนถึงกรีน สนามกอล์ฟส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยหลุมสิบแปดหลุม

[แก้] แท่นทีออฟ

การตีครั้งแรกในแต่ละหลุม เริ่มจากเขตที่เรียกว่า "แท่นตั้งที" (teeing ground) ผู้เล่นสามารถใช้แท่งหมุดขนาดเล็ก ซึ่งเรียกว่า "ทีตั้งลูก" (tee) ทำจากไม้หรือพลาสติก ช่วยให้การตี"ทีช็อต"ง่าย ขึ้น ก่อนที่จะมีทีสมัยใหม่นั้น นักกอล์ฟมักจะก่อกองทรายเล็กเป็นทรงพีรามิดในการตั้งลูกกอล์ฟ สนามกอล์ฟส่วนใหญ่จะมีแท่นตั้งทีหลายระยะให้เลือก ซึ่งทำให้หลุมนั้นยาวขึ้นหรือสั้นลงได้ตามแต่จะเลือก บริเวณแท่นตั้งทีนั้น มักจะมีพื้นผิวราบ

[แก้] แฟร์เวย์และรัฟ

หลังจากตีลูกออกจากแท่นตั้งที ผู้เล่นจะตีลูกกอล์ฟ (โดยมากไปยังกรีน) จากจุดที่ลูกมาหยุดอยู่ ซึ่งอาจจะเป็น "แฟร์เวย์" (fairway) หรือว่า "รัฟ" (rough) บนแฟร์เวย์นั้น หญ้าจะถูกตัดสั้นและเรียบ ทำให้การตีลูกนั้นง่ายกว่าการตีจากรัฟ ซึ่งมักจะไว้หญ้ายาวกว่า

[แก้] อุปสรรค

ในสนามกอล์ฟ หลุมหลายหลุมอาจมีเขต "อุปสรรค" (hazard) ซึ่งแบ่งออกสองชนิดคือ "เขตอุปสรรคน้ำ" (water hazard) และ "บังเกอร์" (bunker) (บางครั้งเรียกว่า "หลุมทราย" หรือ "อุปสรรคทราย") ในเขตอุปสรรค จะมีกฎบังคับการเพิ่มเติม ซึ่งทำให้การเล่นลำบากมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ในเขตอุปสรรค ผู้เล่นไม่สามารถใช้ไม้กอล์ฟสัมผัสพื้นก่อนการเล่นลูกได้ ลูกที่อยู่ในเขตอุปสรรคสามารถเล่นจากจุดที่ลูกหยุดอยู่ได้โดยไม่ถูกปรับแต้ม หากไม่สามารถเล่นจากตำแหน่งนั้นได้ (โดยเฉพาะในอุปสรรคน้ำ) ผู้เล่นอาจจะเลือกเล่นจากจุดอื่น โดยทั่วไปจะปรับโทษหนึ่งสโตรค (แต้ม) ซึ่งตำแหน่งการเล่นนอกเขตนั้น ถูกบังคับอย่างเข้มงวดโดยกฎกอล์ฟ บังเกอร์เป็นเขตอุปสรรคเพราะการเล่นลูกนั้นทำได้ยากกว่าการตีจากหญ้า

[แก้] กรีน

ตัวอย่างผังของหลุมในสนามกอล์ฟ
เมื่อลูกกอล์ฟอยู่บน "กรีน" (putting green) แล้ว ผู้เล่นจะพัตลูกไปยังหลุมจนกว่าจะลง"หลุม" (hole หรือ cup) การ "พัต" (putt) คือการตีลูกครั้งหนึ่ง มักจะทำบนกรีน (แต่ไม่เสมอไป) โดยใช้ไม้กอล์ฟซึ่งมีหน้าแบนเรียบ ทำให้ลูกกลิ้งไปบนพื้นโดยไม่ลอยจะพื้นดิน หญ้าบนกรีนนั้นจะตัดสั้นมาก ทำให้ลูกกลิ้งไปได้อย่างง่ายดาย ทิศทางของใบหญ้าและความลาดเอียงของพื้นจะส่งผลต่อทิศทางการกลิ้งของลูก หลุมกอล์ฟจะอยู่บนกรีนเสมอ มีขนาด 108 มิลลิเมตร และลึกอย่างน้อย 100 มิลลิเมตร ตำแหน่งของหลุมบนกรีนอาจเปลี่ยนไปได้ในแต่ละวัน โดยทั่วไปมักจะมีธงปักในหลุมกอล์ฟเพื่อให้เห็นหลุมได้จากระยะไกล แม้ว่าอาจจะไม่ใช่จากแท่นตั้งทีก็ตาม

[แก้] โอบี

โอบี คือเขตที่อยู่นอกเขตสนามที่กำหนดไว้ ซึ่งผู้เล่นไม่สามารถตีลูกได้ หากลูกของผู้เล่นตกไปยังเขตโอบี ผู้เล่นจะต้องเล่นลูกจากจุดเดิมที่ตีมา และปรับแต้มเพิ่มหนึ่งสโตรค

[แก้] เขตอื่น

บางส่วนในเขตสนาม อาจจะมี "เขตพื้นที่ซ่อม" (ground under repair หรือ G.U.R.) ซึ่งหากลูกกอล์ฟของผู้เล่นเข้าไปตกในเขตนี้แล้ว ผู้เล่นสามารถหยิบออกมาเล่นนอกเขตได้โดยไม่ถูกปรับแต้ม นอกจากนี้ ยังอาจมี "สิ่งกีดขวาง" (obstruction) ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่นหมุดบอกระยะทาง รั้ว เป็นต้น และมีกฎข้อบังคับเฉพาะซึ่งกำหนดวิธีเล่นหากลูกของผู้เล่นได้รับผลกระทบจาก สิ่งกีดขวาง

[แก้] พาร์

แต่ละหลุมในสนามกอล์ฟจะมีการกำหนด "พาร์" (par) ซึ่งเป็นจำนวนครั้งการตีที่ผู้เล่นควรจะตีจบหลุม เช่น ในหลุมพาร์สี่ ผู้เล่นควรจะตีครั้งแรกจากแท่นตั้งที ครั้งที่สองไปยังกรีน และพัตอีกสองครั้ง หลุมกอล์ฟโดยทั่วไปมักจะมีพาร์สาม สี่ และห้า ปัจจุบันมีหลุมพาร์หกอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ไม่มีในสนามกอล์ฟแบบดั้งเดิม
สนามกอล์ฟสิบแปดหลุมส่วนใหญ่ มักจะมีหลุมพาร์สามและพาร์ห้าอย่างละสี่หลุม และหลุมพาร์สี่อีกสิบหลุม รวมทั้งสิบแปดหลุมเป็นพาร์ 72 แม้ว่าจะมีการผสมแบบอื่น การแข่งขันหลายรายการที่เล่นบนสนามพาร์ 71 หรือ 70

[แก้] อุปกรณ์กอล์ฟ

[แก้] ไม้กอล์ฟ

องศาหน้าไม้ (loft) ของไม้กอล์ฟ
หัวไม้ พัตเตอร์ และหัวเหล็ก
โดยทั่วไปแล้ว นักกอล์ฟจะมีไม้หลายอันในถุงขณะที่เล่น โดยกฎระบุว่าสามารถมีไม้ได้ไม่เกิน 14 อัน[6] ไม้กอล์ฟแต่ละชิ้นจะมีความแตกต่างกันในเรื่องขององศาหน้าไม้ ซึ่งส่งผลต่อเส้นโคจรของลูกกอล์ฟ องศาหน้าไม้ของไม้กอล์ฟนั้น วัดจากแนวตั้งฉาก

[แก้] หัวไม้

"หัวไม้" (wood) เป็นไม้ที่ยาวที่สุดและมักจะใช้กับช็อตที่ต้องการระยะไกล หัวของหัวไม้นั้นมีขนาดใหญ่ โดยดั้งเดิม หัวของหัวไม้ทำมาจากไม้พลับหรือเมเปิล ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ หัวไม้สมัยใหม่มีลักษณะกลวง ทำจากเหล็ก ไทแทเนียม หรือวัสถุผสม
หัวไม้ที่ยาวที่สุด เรียกว่าหัวไม้หนึ่ง หรือ "ไดรเวอร์" โดยหัวไม้นี้จะมีหัวขนาดใหญ่ที่สุด ซึ่งเหมาะสำหรับการตีจากที หัวไม้อื่นที่สั้นกว่า เช่นหัวไม้สาม หรือหัวไม้ห้า มักเรียกเป็นหัวไม้แฟร์เวย์ โดยหัวไม้เหล่านี้จะสั้นกว่า และมีองศาหน้าไม้มากกว่า ทำให้สามารถตีจากพื้นหญ้าได้ ไดรเวอร์สามารถใช้ตีจากพื้นหญ้าได้เช่นกัน แต่ต้องใช้ความสามารถที่สูงกว่าในการควบคุม
ในปัจจุบัน มีหัวไม้แบบใหม่ที่รู้จักกันในชื่อไฮบริด (hybrid) หรือที่บางครั้งคนไทยเรียกว่าไม้กระเทย ซึ่งรวมคุณสมบัติการตีตรงๆแบบเหล็กรวมกับจุดศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงที่ต่ำแบบหัวไม้ที่มีองศาหน้าไม้สูง โดยไม้ไฮบริดนี้มักจะใช้ในการเล่นช็อตระยะไกลจากรัฟ หรือผู้เล่นที่มีปัญหาในการตีเหล็กยาว

[แก้] หัวเหล็ก

ไม้หัวเหล็ก (iron) หรือที่มักเรียกสั้นๆว่า "เหล็ก" ใช้ในการตีระยะสั้นกว่าหัวไม้ โดยทั่วไปจะเป็นช็อตที่ตีขึ้นกรีน เหล็กเป็นไม้กอล์ฟที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง โดยนักกอล์ฟที่มีความสามารถสูงสามารถตีช็อตได้หลายแบบโดยไม้อันเดียว เหล็กมักจะมีเลขตั้งแต่ 1 ถึง 9 โดยยิ่งเลขต่ำ องศาหน้าไม้ก็จะต่ำ และก้านจะยาว เหล็กที่สั้นที่สุดเรียกว่าเวดจ์ ชุดเหล็กทั่วไปมักประกอบไปด้วยเหล็กตั้งแต่เบอร์ 3 ถึงพิชชิงเวดจ์ ผู้เล่นที่มีความสามารถบางคนอาจใช้เหล็ก 2 แต่เหล็ก 1 ในปัจจุบันมีใช้กันน้อยมาก แม้แต่กับนักกอล์ฟอาชีพ ความนิยมใช้เหล็กยาว (เบอร์ต่ำ) ที่ลดลง มีผลมาจากการพัฒนาไม้ไฮบริด ซึ่งให้เส้นโคจรที่ดี และตีง่ายกว่า
เวดจ์
"เวดจ์" (wedge) คือเหล็กที่มีองศาหน้าไม้มากกว่า 44 องศา "พิชชิงเวดจ์" (pitching wedge) มีองศาหน้าไม้ 44 ถึง 50 องศา และมีการออกแบบที่ใกล้เคียงกับเหล็กทั่วไป "แซนด์เวดจ์" (sand wedge) มีการออกแบบเป็นพิเศษซึ่งสิ่งที่เรียกว่า "เบานซ์" (bounce) และมีองศาหน้าไม้ 54 ถึง 58 องศา ทำให้ผู้เล่นสามารถตีจากทรายหรือรัฟได้ง่าย "แกปเวดจ์" (gap wedge) มีองศาหน้าไม้อยู่ระหว่างพิชชิงเวดจ์และแซนด์เวดจ์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ (gap มีความหมายว่าช่องว่างระหว่างกลาง) "ลอบเวดจ์" (lob wedge) คือเวดจ์ที่มีองศาหน้าไม้สูงมาก (อาจถึง 68 องศา) ใช้ในการตีขึ้นกรีน จากทราย หรือใช้ในช็อตแก้ไขที่ต้องใช้ช็อตลูกโด่งมากและระยะทางสั้น ผู้ผลิตไม้กอล์ฟส่วนใหญ่ ผลิตเวดจ์ตั้งแต่ 48 ถึง 60 องศา และมีเบานซ์หลายแบบ

[แก้] พัตเตอร์

"พัตเตอร์" (putter) มีหัวหลายรูปแบบ แต่สิ่งที่สำคัญคือจะมีองศาหน้าไม้ที่ต่ำมาก และก้านที่สั้น ออกแบบมาเพื่อผลักลูกกอล์ฟให้กลิ้งบนพื้นมากกว่าที่จะลอยสู่อากาศ โดยทั่วไปพัตเตอร์จะใช้บนกรีน แต่บางครั้งอาจใช้ในการตีขึ้นกรีนจากแฟร์เวย์หรือฟรินจ์ (พื้นที่รอบกรีน) ที่ตัดหญ้าสั้นและเรียบ

[แก้] ลูกกอล์ฟ

จากภาคผนวกในกฎกีฬากอล์ฟ ลูกกอล์ฟ ต้องมีลักษณะเป็นทรงกลมสมมาตร มีเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 42.67 มิลลิเมตร และมีมวลไม่เกิน 45.93 กรัม[7] พื้นผิวของลูกกอล์ฟในปัจจุบันมีรอยบุ๋มประมาณ 300 ถึง 500 รอย โดยวิธีการและวัสดุที่ใช้ในการผลิตลูกกอล์ฟนั้น ส่งผลต่อคุณสมบัติต่างๆในการเล่น เช่น ระยะทาง เส้นโคจร การหมุนของลูก และความรู้สึก วัสดุที่มีความแข็ง เช่น เซอร์ลีน มักจะส่งผลให้ลูกกอล์ฟเคลื่อนที่ไกลขึ้น ในขณะที่วัสดุที่นุ่มกว่าอย่างยางบาลาตา มักจะให้การหมุนของลูก (สปิน) และความรู้สึกที่ดีกว่า ลูกกอล์ฟที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ จะต้องผ่านการออกแบบให้เป็นทรงสมมาตรให้มากที่สุด ซึ่งมาจากการผลิตลูกกอล์ฟซึ่งมีรูปแบบรอบบุ๋มอสมมาตร ช่วยในการควบคุมทิศทางของลูกกอล์ฟ ในอดีตลูกกอล์ฟเคยทำจากไม้ ขนนก และยางไม้ ลูกกอล์ฟสามารถมีได้หลายสี แต่สีที่นิยมที่สุดคือสีขาว

[แก้] การเล่น

การเล่นกอล์ฟนั้น ผู้เล่นจะเล่นบนหลุมที่กำหนด โดยทั่วไปสิบแปดหลุม แต่ละหลุมนั้นจะเริ่มจากการตีจากแท่นตั้งที เมื่อลูกกอล์ฟหยุดนิ่งที่ใด ก็ตีต่อไปจากจุดนั้น จนกระทั่งลูกกอล์ฟลงไปในหลุมซึ่งอยู่บนกรีน ผู้เล่นจะพยายามตีโดยให้ลงหลุมด้วยจำนวนครั้งที่น้อยที่สุด
โดยทั่วไปผู้เล่นจะเดินหรือนั่งรถกอล์ฟไปทั่วสนาม โดยอาจเป็นการเล่นคนเดียว สองคน ไปจนถึงสี่หรือห้าคน มักเรียกว่า "ก๊วน" บางครั้งจะมีแคดดี้เดินด้วย แคดดี้คือคนที่แบกและจัดการอุปกรณ์ และให้คำแนะนำในการเล่นแก่ผู้เล่น ผู้เล่นแต่ละคนจะตีลูกกอล์ฟคนละลูก ยกเว้นในการเล่นที่เรียกว่า "โฟร์ซัมส์" ซึ่งเป็นการเล่นแบบคู่ที่ผู้เล่นในทีมจะผลัดกันตีลูกกอล์ฟลูกเดียวกัน
ในแต่ละหลุม จะมีรูปแบบการนับคะแนนดังนี้
รูปแบบบน
ป้ายคะแนน
คำศัพท์เฉพาะ ความหมาย
-4 คอนดอร์ (หรือดับเบิลอัลบาทรอส) ต่ำกว่าพาร์สี่สโตรค
-3 อัลบาทรอส (หรือดับเบิลอีเกิล) ต่ำกว่าพาร์สามสโตรค
-2 อีเกิล (หรือดับเบิลเบอร์ดี) ต่ำกว่าพาร์สองสโตรค
-1 เบอร์ดี ต่ำกว่าพาร์หนึ่งสโตรค
+0 พาร์ สโตรคเท่ากับพาร์
+1 โบกี มากกว่าพาร์หนึ่งสโตรค
+2 ดับเบิลโบกี มากกว่าพาร์สองสโตรค
+3 ทริปเปิลโบกี มากกว่าพาร์สามสโตรค
+4 ควอดรูเพิลโบกี มากกว่าพาร์สี่สโตรค
รูปแบบการเล่นกอล์ฟพื้นฐานมีสองแบบคือ สโตรคเพลย์และแมตช์เพลย์ สโตรคเพลย์ เป็นระบบที่ใช้ในการแข่งขันส่วนใหญ่ ในระบบนี้ ผู้เล่นแต่ละคน (หรือแต่ละทีม) จะนับคะแนนการตีของทุกหลุมเมื่อรวมเป็นคะแนนสรุป และฝ่ายที่มีจำนวนครั้งน้อยที่สุดในรอบที่กำหนดเป็นผู้ชนะเป็นผู้ชนะ[8] ในการเล่นแบบแมตช์เพลย์ ผู้เล่นสองคน (หรือสองทีม) จะแข่งกันในแต่ละหลุม ฝ่ายที่ใช้สโตรคน้อยกว่าในแต่ละหลุม จะชนะหลุมนั้น หรือถ้าใช้สโตรคเท่ากัน จะนับเป็นหลุมเสมอกัน ฝ่ายที่ชนะจำนวนหลุมมากกว่า เป็นผู้ชนะ[9]

[แก้] การเล่นประเภททีม

มีการเล่นประเภททีมสองแบบ ที่ได้รับการบรรจุอยู่ในกฎกีฬากอล์ฟอย่างเป็นทางการ ได้แก่การเล่นแบบโฟร์ซัม และโฟร์บอล
  • โฟร์ซัม เป็นการแข่งระหว่างสองทีมที่มีผู้เล่นฝ่ายละสองคน โดยแต่ละทีมจะใช้ลูกกอล์ฟเพียงลูกเดียว และผู้เล่นต้องสลับกันตี เช่น หากทีมประกอบด้วยผู้เล่น ก. และผู้เล่น ข. หากผู้เล่น ก. ตีช็อตแรก ผู้เล่น ข. จะตีช็อตที่สอง สลับกันไปเรื่อยๆจนจบหลุม ในหลุมถัดไป ผู้เล่น ข.จะเป็นฝ่ายเริ่มช็อตแรก โดยไม่สนใจว่าใครเป็นผู้ตีคนสุดท้ายในหลุมที่ผ่านมา เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ การเล่นแบบโฟร์ซัมสามารถเล่นได้ทั้งแบบแมตช์เพลย์และสโตรคเพลย์ นอกจากนี้ยังมีการเล่นแบบทรีซัม ซึ่งเป็นแมตช์ระหว่างผู้เล่นหนึ่งคนและผู้เล่นสองคน ทรีซัมและโฟร์ซัม มีอยู่ในกฎกอล์ฟข้อที่ 29 [1]
  • โฟร์บอล เป็นการแข่งระหว่างสองทีมที่มีผู้เล่นฝ่ายละสองคน โดยแต่ละคนตีลูกกอล์ฟคนละหนึ่งลูก โดยการนับคะแนนจะนับคะแนนที่ต่ำกว่าของแต่ละทีมในหลุมนั้นๆ โฟร์บอลสามารถเล่นได้ทั้งแบบแมตช์เพลย์และสโตรคเพลย์เช่นกัน โดยมีการกล่าวถึงในกฏกอล์ฟข้อที่ 30 [2] และ 31 [3]

[แก้] ระบบแฮนดิแคป

แฮนดิแคป หรือแต้มต่อ คือตัวเลขที่นักกอล์ฟสมัครเล่นใช้วัดความสามารถในการเล่นกอล์ฟในสิบแปดหลุม โดยสามารถนำไปใช้ในการคำนวณคะแนนในการแข่งขัน เพื่อให้นักกอล์ฟที่มีฝีมือต่างกันสามารถแข่งขันกันได้ มักจะจัดการโดยสมาคมกอล์ฟหรือสโมสรกอล์ฟต่างๆ ไม่มีการใช้ระบบแฮนดิแคปในกอล์ฟอาชีพ การนับแต้มต่อ มีหลายระบบ ที่นิยมใช้กันมาก จะเป็นแบบ 36 system ที่ จะคิดคะแนนโดย ดูจากสกอร์ในแต่ละหลุม คือ ได้ ดับเบิ้ลโบกี้เท่ากับ 0 โบกี้ +1 พาร์และเบอร์ดี้ + 2 โดยนำผลรวมที่ได้มาลบ 36 แต้ม คะแนนที่ได้ จะเป็นแต้มต่อนำไปลบ สกอร์ที่ได้ในวันนั้น (ให้สังเกตว่าถ้าทำเบอร์ดี้ได้จะได้เปรียบมากเพราะสกอร์น้อยกว่า พาร์แต่หักแต้มต่อเท่ากัน) สมมุติคร่าวๆ ว่า ตีได้คะแนน โบกี้ทุกหลุมจะได้คะแนนรวม 90 แต้ม จะมีแต้มเท่ากับ +1 คูณ 18 หลุม เท่ากับ 18 แต้ม แฮนดิแคป(แต้มต่อของคุณ) = 36-18 =18 สกอร์ที่ต้องปรับลด (Net Score) = 90-18 = 72 สรุปว่าวันนั้นคุณตีได้ แสควร์พาร์

[แก้] กอล์ฟอาชีพ

ไทเกอร์ วูดส์ หนึ่งในนักกอล์ฟอาชีพที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
มีการเล่นกอล์ฟเป็นอาชีพในหลายประเทศทั่วโลก นักกอล์ฟอาชีพ มักเรียกว่า "โปร" ส่วนใหญ่ทำงานด้านการสอนกอล์ฟ และลงแข่งขันในรายการท้องถิ่นเท่านั้น มีเพียงนักกอล์ฟกลุ่มเล็กๆที่ลงแข่งขันในระดับนานาชาติ

[แก้] การแข่งขันทัวร์

มีการแข่งขันทัวร์กอล์ฟอาชีพอย่าง น้อยยี่สิบรายการ โดยแต่ละรายการจัดโดยสมาคมกอล์ฟอาชีพหรือองค์กรจัดการอิสระ ซึ่งรับผิดชอบการจัดการแข่งขัน หาผู้สนับสนุน และควบคุมทัวร์นั้นๆ โดยทั่วไปแล้ว แต่ละทัวร์จะมีระบบสมาชิก ซึ่งสามารถลงแข่งได้ในทุกรายการ และบางครั้งก็เชิญนักกอล์ฟที่ไม่เป็นสมาชิกเข้าแข่งในบางรายการ สมาชิกภาพของทัวร์ระดับสูงนั้น ได้ยากและมีการแข่งขันสูงมาก
ทัวร์ที่เป็นที่รู้จักกันมากที่สุดได้แก่ พีจีเอทัวร์ ซึ่งการแข่งขันส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา รองลงมาคือการแข่งขัน ยูโรเปียนทัวร์ ซึ่งมีดึงดูดนักกอล์ฟจากนอกทวีปอเมริกาเหนือจำนวน มาก นักกอล์ฟหลายคนลงแข่งขันรายการเพียงพอที่จะรักษะสมาชิกภาพของทั้งสองทัวร์ นอกจากนี้ยังมีทัวร์ของนักกอล์ฟชายอีกหลายรายการ เช่น เอเชียนทัวร์ แจแปนกอล์ฟทัวร์ พีจีเอทัวร์แห่งออสตราเลเชีย และซันไชน์ทัวร์ เป็นต้น
มีทัวร์กอล์ฟสำหรับนักกีฬากอล์ฟอาวุโส ซึ่งมีอายุมากกว่า 50 ปีอยู่หลายทัวร์ ที่รู้จักกันมากที่สุดคือ แชมเปียนส์ทัวร์ หรือชื่อในอดีตคือ ซีเนียร์พีจีเอทัวร์ จัดโดยองค์กรพีจีเอทัวร์ นอกจากนี้ยังมีทัวร์สำหรับนักกอล์ฟสตรีเช่นกัน รายการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือแอลพีจีเอทัวร์ จัดโดยสมาคมกอล์ฟอาชีพสตรี (ของสหรัฐอเมริกา) หรือแอลพีจีเอ

[แก้] การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ชาย

การแข่งขันกอล์ฟรายการเมเจอร์ เป็นการแข่งขันสี่รายการซึ่งได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่และสำคัญที่สุด ในปัจจุบันได้แก่รายการ เดอะมาสเตอร์ส ยูเอสโอเพน ดิโอเพนแชมเปียนชิป (มักเรียกนอกสหราชอาณาจักรว่าบริติชโอเพน) และพีจีเอแชมเปียนชิป การแข่งขันรายการเดอะมาสเตอร์สจัดที่สนามกอล์ฟออกัสตาเนชันแนล เมืองออกัสตา มลรัฐจอร์เจีย โดยเป็นรายการเมเจอร์เดียวที่แข่งขันที่สนามเดียวทุกปี ยูเอสโอเพนและพีจีเอแชมเปียนชิป จัดในสหรัฐอเมริกา และดิโอเพนแชมเปียนชิปจัดในสหราชอาณาจักร โดยสามรายการนี้ไม่มีสนามกอล์ฟที่แน่นอน

[แก้] การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์หญิง

การแข่งขันกอล์ฟหญิงนั้น ไม่มีกลุ่มรายการเมเจอร์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกแบบกอล์ฟชาย รายการเมเจอร์ของแอลพีจีเอทัวร์ในสหรัฐ ซึ่งเป็นทัวร์หญิงที่โดดเด่นที่สุด ได้มีความเปลี่ยนแปลงหลายต่อหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดในปีพ.ศ. 2544 ปัจจุบันแอลพีจีเอ (สหรัฐฯ) มีรายการเมเจอร์สี่รายการได้แก่ คราฟต์นาบิสโกแชมเปียนชิป ยูเอสโอเพนหญิง แอลพีจีเอแชมเปียนชิป และบริติชโอเพนหญิง โดยมีเพียงรายการสุดท้ายเท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับโดยเลดีส์ยูโรเปียนทัวร์ ร่วมกับเอเวียงมาสเตอร์ส ซึ่งแอลพีจีเอถือว่าเป็นรายการปกติ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ส่งผลมากนัก เพราะแอลพีจีเอมีอิทธิพลสูงมากในวงการกอล์ฟสตรี เลดีส์ยูโรเปียนทัวร์ยอมรับเรื่องนี้ โดยการหลีกเลี่ยงการจัดการแข่งขันที่ซ้อนทับกับรายการสามรายการเมเจอร์ใน สหรัฐ
ทัวร์ของสมาคมกอล์ฟอาชีพสตรีแห่งญี่ปุ่น ไม่ได้ยอมรับรายการเมเจอร์ใดของแอลพีจีเอสหรัฐหรือเลดีส์ยูโรเปียนทัวร์ แต่มีสามรายการเมเจอร์ของตัวเอง อย่างไรก็ตาม รายการเหล่านี้ไม่ได้รับความสนใจมากนักนอกประเทศญี่ปุ่น

[แก้] การแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์อาวุโส

ทัวร์กอล์ฟอาวุโสไม่มีรายการเมเจอร์ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก เช่นเดียวกับในกอล์ฟหญิง ปัจจุบันมีการแข่งขันห้ารายการ ที่ได้รับสถานะเมเจอร์ในแชมเปียนทัวร์ของ สหรัฐอเมริกา โดยในอดีตมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง แต่ว่าทุกครั้งจะเป็นการเพิ่มรายการใหม่ นั่นหมายความว่ายังไม่มีรายการได้ที่สูญเสียสถานะเมเจอร์ ห้ารายการในปัจจุบันได้แก่ ซีเนียร์พีจีเอแชมเปียนชิป ยูเอสซีเนียร์โอเพน ซีเนียร์บริติชโอเพนแชมเปียนชิป เดอะเทรดิชัน และซีเนียร์เพลเออร์สแชมเปียนชิป จากห้ารายการนี้ ซีเนียร์พีจีเอ เป็นรายการที่เก่าแก่ที่สุด โดยก่อตั้งตั้งแต่ปีพ.ศ. 2480 รายการที่เหลือนั้น เพิ่งเริ่มเมื่อพุทธทศวรรษ 2520 เมื่อทัวร์กอล์ฟอาวุโสเริ่มประสบความสำเร็จทางการค้า แชมเปียนทัวร์ไม่ยอมรับสถานะเมเจอร์ของซีเนียร์บริติชโอเพนจนกระทั่งปีพ.ศ. 2546
ยูโรเปียนซีเนียร์สทัวร์ยอม รับสถานะเมเจอร์เพียงรายการซีเนียร์พีจีเอ และรายการโอเพนทั้งสองรายการ อย่างไรก็ตาม แชมเปียนทัวร์มีอิทธิพลในวงการกอล์ฟอาวุโสมากกว่าอย่างชัดเจน

[แก้] อ้างอิง